ทีมยังขาดประสบการณ์ – เดส์ชองส์จึงต้องพึ่ง “ตัวเก่า” มากกว่าเดิม

แม้จะปฏิเสธความหลัง แต่การเลือกนักเตะของเดส์ชองส์ช่วงหลังกลับสะท้อนความไว้วางใจในแข้งเก๋า ทั้งการเรียก เอ็นโกโล่ ก็องเต้, คิงส์ลีย์ โกม็อง, ฟลอริย็อง โตแว็ง, เกลม็อง ล็องก์เลต์ หรือแม้กระทั่ง ลูคัส แอร์กน็องเดซ และ โคโล มูอานี ที่ฟอร์มสโมสรไม่โดดเด่น

ในเกมกับยูเครน ตัวจริง 11 คนมีประสบการณ์รวมเพียง 397 นัด เทียบกับชุดชิงบอลโลก 2022 ที่มีมากถึง 664 นัด ขณะที่กำลังสำคัญอย่าง เดมเบเล่, ชูอาเมนี, ตูราม และราบิโอต์ ต่างเจ็บกันถ้วนหน้า

เพราะเหตุนี้ เดส์ชองส์จึงเร่ง “เติมออกซิเจน” ให้ทีมด้วยเลือดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิล โอลิเซ, รายาน แชร์กี, ฮูโก เอกีติเก และ มักแนส อัคลิอูช ที่เริ่มแทรกขึ้นมาในทีมชุดใหญ่

เกมรุกยังขาดความลงตัว – ไม่มีใครทดแทน “ชิรูด์” ได้เต็มรูปแบบ

แม้สกอร์ไลน์จะขาดลอย แต่ปัญหาที่เห็นชัดคือเกมรุกที่ยัง “ไม่เข้าที่” โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่ทั้งเดส์ชองส์และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยอมรับว่าเล่นกันฝืดและไร้จังหวะประสานงาน

หลังยุคของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ฝรั่งเศสขาดศูนย์หน้าที่ทำหน้าที่เชื่อมเกมและดึงตัวประกบ เปิดพื้นที่ให้เอ็มบัปเป้เหมือนที่ชิรูด์เคยทำ แม้เอ็มบัปเป้จะขยับมาเล่นหมายเลข 9 แบบเต็มตัว แต่โปรไฟล์ของเขาไม่ใช่กองหน้าร่างใหญ่ในเขตโทษ ทำให้บางช่วงพื้นที่หน้าประตูของฝรั่งเศส “โล่งเกินไป”

ลูกครอสของโอลิเซและแชร์กีหลายหนในครึ่งแรกจึงไร้ผู้เข้าชาร์จ จนเดส์ชองส์ต้อง “พูดอะไรบางอย่าง” ในห้องแต่งตัว พร้อมปรับให้สามแนวรุกเล่นชิดกันมากขึ้น

ผลลัพธ์คือยิง 4 ลูกใน 33 นาที ครึ่งหลัง—เอ็มบัปเป้ 2 ประตู, โอลิเซ และเอกีติเกคนละลูก โดยเฉพาะเอกีติเกที่มีบทบาทในกรอบเขตโทษอย่างที่ทีมต้องการ

แชร์กียังต้องจูนกับเอ็มบัปเป้ – แต่ศักยภาพเห็นชัด

แม้แชร์กีจะมีส่วนร่วมกับเกมมาก แต่ยังขาดการตัดสินใจที่เฉียบขาด และยังหาความเข้าใจร่วมกับเอ็มบัปเป้ไม่เจอเหมือนที่เขาสร้างได้เร็วกับฮาแลนด์ในแมนฯ ซิตี้ นี่คือโจทย์สำคัญก่อนฟุตบอลโลก

“ใครก็ตามที่จะได้ลงในฟุตบอลโลก ต้องผสานงานกับเอ็มบัปเป้ได้” เดส์ชองส์กล่าวชัดเจน

ภาพรวมดี แต่ยังไม่ “สมบูรณ์” ก่อนฟุตบอลโลก

เอ็มบัปเป้ที่ยิงเพิ่มอีก 2 ลูก ทำให้เขามี 55 ประตู ตามหลังชิรูด์แค่ 2 ประตู และความฟิต-ฟอร์มของเขาถือเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดของทีม แต่เดส์ชองส์ยังต้องหาจิ๊กซอว์รอบตัวกัปตันคนใหม่ให้ลงตัว

ฝรั่งเศสต้องการเป็นชาติที่สามในประวัติศาสตร์ที่เข้ารอบชิงฟุตบอลโลก 3 ครั้งติด (หลังเยอรมนี และบราซิล) แต่หากเกมรุกยังขาดความสมดุล งานนี้ไม่ง่ายแน่นอน

บางที “ผลงานชิ้นสุดท้าย” ของเดส์ชองส์อาจยังคงไม่เสร็จสมบูรณ์—และอาจจะไม่มีวันสมบูรณ์ เช่นเดียวกับภาพวาด Adoration of the Magi ของเลโอนาร์โด ดา วินชี ที่ถูกปล่อยค้างไว้ตลอดกาล.